"รัฐไทย" จะเข้าสู่วงจรล่มสลายอย่างเป็นระบบเป็นสิ่งที่น่ากังวลท่ามกลางสถานการณ์ สงครามกลางเมืองเช่นนี้
ด้วยมีขบวนการคิดที่แยบคาย คอยวางแผนเดินเกมให้ระบบรัฐไทยเดินเข้าสู่หลุมดำอย่างช้าๆจนยากที่จะถอนตัว?
"ประเด็น ที่ต้องจับตา ต้องเริ่มที่คำว่า การเป็นรัฐล้มเหลว หรือ รัฐพังทลาย มันเป็นความพยายามของผู้ก่อการร้ายที่จะผลักดันให้ไปถึงตรงนั้น แม้ว่า...ประเทศไทยเรายังห่างไกล แต่ก็ต้องแก้ไขไม่ให้ถูกผลักดันไปสู่สภาวะนั้นได้"
คุณโสภณ สุภาพงษ์ เจ้าของรางวัลแมกไซไซ สาขางานบริการสังคมประจำปี 2541 ผู้คลุกคลีอยู่กับการแก้ปัญหาความยากจน บอก
ตามหลักวิชาการ "ดัชนีรัฐล้มเหลว" หรือ "รัฐพังทลาย" ถูกใช้อ้างโดยประเทศมหาอำนาจที่จะเข้าไปแทรกแซงเพื่อเปลี่ยนโครงสร้างของรัฐ ใดรัฐหนึ่งโดยผิดกฎหมายแต่อ้างความชอบธรรม เพื่อต้องการเข้าไปมีผลประโยชน์ หรือเพื่อรักษาผลประโยชน์
หลักใหญ่เป็นอย่างนั้น แต่ทีนี้เราก็ต้องเข้าใจ คำว่า "รัฐ" เสียก่อน
"รัฐ" ทางวิชาการ กล่าวได้ว่า คือผู้ที่มีสิทธิ์ขาดในการใช้กำลังความรุนแรงโดยชอบด้วยกฎหมาย เพราะว่าประชาชนเป็นผู้มอบอำนาจนี้ให้รัฐ แล้วรัฐก็เป็นผู้เดียวที่ใช้กำลังความรุนแรงโดยชอบด้วยกฎหมายได้
ดัง นั้น ถ้าผู้อื่นมาใช้อำนาจนี้แทน...ความเป็นรัฐก็ไม่มี หรือรัฐไม่สามารถใช้ได้ เมื่ออ่อนแอจนใช้ไม่ได้...ความเป็นรัฐก็ไม่มี
"รัฐ พังทลาย" เข้าใจง่ายๆก็หมายถึงว่า รัฐได้สูญเสียอำนาจในการควบคุมเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรัฐ สูญเสียพื้นที่การปกครองให้แก่ผู้ที่ก่อการร้าย ตัวอย่าง... ในหน่วยงานที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเป็นแตงโม บางส่วนทำงานให้ผู้ก่อการร้าย...บางส่วนทำงานให้รัฐ
จึงเกิดคำว่า... "รัฐซ้อนรัฐ" หรือ...ในพื้นที่ของรัฐ แต่มีพื้นที่ที่ผู้ก่อการ ร้ายมีอิทธิพลมากกว่ารัฐในบางส่วน ก็เรียกว่า "รัฐซ้อนรัฐ" เช่นกัน
กองทุน สันติภาพ วัดความล่มสลายรัฐเอาไว้ด้วยลักษณะ 4 ประการ...ในดัชนีย่อย 12 เรื่อง ลักษณะแรก...รัฐสูญเสียการมีสิทธิ์ขาด การใช้ความรุนแรงที่ชอบด้วยกฎหมายแต่ผู้เดียวให้กับผู้อื่น กรณีประเทศไทยก็คงเป็นการยิงเอ็ม 79 ต่อสัญลักษณ์... สถาบันรัฐ เพื่อให้เห็นว่ารัฐไม่มีอำนาจ หรือการที่ทหารตั้งด่านก็ถูกโจมตี หรือมีกอง กำลังที่ตั้งด่านมากกว่าทหาร จับทหารปลดอาวุธ เขกหัว เตะ กระทืบ ยิงซ้ำ ฯลฯ
เหล่า นี้เป็นการกระทำเพื่อให้รู้ว่ามีอำนาจที่อยู่เหนือรัฐบางส่วน การแสดงสิ่งอย่างนี้มากๆตัวเลขดัชนีข้อนี้ก็จะสูง
กรณีที่เห็นได้อีก เสธ.แดงถูกยิง ทำไม? ต้องยิงกลางนักข่าว ถ้าเป็นการเอาคืน ทำร้ายที่ไหนก็ได้ แต่นี่ลักษณะเป็นการพลอตเรื่อง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพื่อให้เห็นว่ามีทหารประจำการที่ต่อต้านรัฐอยู่กับฝ่ายผู้ก่อการร้าย
ให้ เห็นว่า...รัฐกำลังทำร้ายฝ่ายตรงข้าม ก็จะได้ประโยชน์กับผู้ที่บงการที่อยู่กับนอกประเทศ
"จิ๊กซอว์ที่ปะ ติดปะต่อให้เห็นภาพเหล่านี้ น่าจะเป็นแนวร่วมกับระบอบเดิม ในยุทธวิธีเห็นได้ชัดเป็นการเรียนรู้ยุทธวิธีของโจรในโรงเรียนทหาร และกลุ่มที่เป็นซ้ายเก่าที่มีการวางแผนในระดับประเทศ...คนบงการกลุ่มนี้อยู่ นอกการชุมนุมแน่นอน"
โสภณ ย้ำว่า แผนไม่มีบันไดเป็นขั้นๆ แต่อยู่ในลักษณะ 4 ประการ
ที่ทำใส่ลงไปให้ดัชนีระหว่างประเทศถูกนำมา อ้างได้ เพื่อที่จะนำต่างประเทศที่ร่วมกับเขาเข้ามาเป็นพวกเขา แล้วเข้ามาเพื่อล้มโครงสร้างในประเทศ
ลักษณะที่สอง...เกิดกลุ่ม ประชาชนที่เกลียดแค้น แก้แค้น ชิงชังกันโดยรัฐไม่สามารถที่จะรวบรวมความสามัคคีได้ อันนี้ก็ชัด แก้แค้น...มันลึกเพราะเกลียดชังกันจนแก้แค้นกัน เกิดขึ้นแล้วในแอฟริกาให้หลายรัฐที่เป็นรัฐล้มเหลวมาแล้ว
ลักษณะที่ สาม...ผู้ก่อการร้ายฆ่าประชาชนโดยที่รัฐป้องกันไม่ได้ แสดงว่าอำนาจรัฐมีปัญหา เราจะเห็นว่าทำไมถึงมีการฆ่าคนบริสุทธิ์
"ทั้ง ที่จริงแล้ว การชุมนุมต้องเอาใจประชาชน แต่กลับฆ่าคนบริสุทธิ์มากมาย ก็เพื่อให้เห็นว่าเป็นอย่างนี้ แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่รัฐเองก็ยังโดนทำร้าย..."
ลักษณะที่สี่...ต่าง ประเทศไม่ได้ติดต่อกับรัฐเพียงผู้เดียว หรือรัฐก็ไม่ได้รับความเชื่อถือแต่ผู้เดียวในการติดต่อกับองค์กรต่างประเทศ
"เรา เกิดขึ้นแล้วจากข่าวที่ผ่านมา จากตัวแทนเป็นทางการจากต่างประเทศเดินทางเข้ามาพบแกนนำผู้ชุมนุม ที่สำคัญ...แสดงว่าต่างประเทศรับรู้ว่ามีอำนาจรัฐที่ซ้อนอยู่ในรัฐ
เหล่า นี้น่าจะไม่ใช่ความบังเอิญ หากแต่เป็นการทำตามบทเดินเรื่องที่มีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ที่พยายามทำเหตุการณ์ทั้งหมดให้เข้าสู่เรื่องนี้ให้ได้"
รัฐ ไทย...ดัชนีตัวเลขกองทุนสันติภาพปีที่แล้ว อยู่ในช่วงเตือนภัย จากการวัดที่อเมริกาวัดด้วยดัชนี 12 หัวข้อ ข้อละ 10 คะแนน รวม 120 คะแนน
ใคร ได้เยอะก็ยิ่งไม่ดี ผู้ที่ได้ 90-120 คะแนน เป็นรัฐที่พังทลาย หรือ รัฐล้มเหลว...60-90 อยู่ในระยะเตือนภัย กำลังไปสู่รัฐล้มเหลว ถ้า 30-60 ถือว่าปกติ ปานกลาง 0-30 ถือว่าดี...มีการบริหารจัดการที่ดี
กลางปี ที่แล้ว...ประเทศไทยถูกวัดไว้ได้ 79.2 ถือว่าปริ่ม...สถาน-การณ์บ้านเมืองปีที่แล้วในลักษณะข้อแรกฯได้ 7.5 คะแนน มาถึงปีนี้สถานการณ์ยกระดับขึ้นไปมาก ไม่แน่ว่า...เรามีโอกาสได้คะแนนเต็ม
ลักษณะ...ข้อ ที่สองเราได้ 8 มาถึงวันนี้...แย่ลงมาก ไม่ใช่แค่จำนวนกลุ่มที่มีหลายกลุ่ม แต่ความเกลียดกระจายไปหลายเรื่อง ตัววัดข้อนี้...ในปีนี้อาจจะเต็มได้
ข้อ ที่สาม...มีกลุ่มก่อการร้ายที่ฆ่าคนบริสุทธิ์โดยรัฐป้องกันไม่ได้ ปีที่แล้วได้ 5.4 มาปีนี้...จะพุ่งไปแค่ไหน พุ่งสูงแบบกระโดดแน่นอน ส่วนลักษณะข้อที่สี่... ต่างประเทศเข้ามาแทรกแซง เหมือนรัฐซ้อนรัฐอยู่ในที ข้อนี้ต้องยอมรับว่าเป็นอีกข้อที่ถูกผลักดัน
คุณโสภณ ย้ำว่า เหล่านี้ไม่ใช่ประเทศไทยเป็น แต่มันถูกใช้ต่อจิ๊กซอว์ให้เป็นเช่นนั้น ต้องย้ำว่า...ไม่ได้หมายความว่าเราเป็น แต่มันมีการผลักดันสร้างเหตุการณ์ให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ
การเข้ามาของ ต่างประเทศที่อ้างความชอบธรรม ภาพที่เกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศ ในอิรัก...ชัดเจนว่าเข้าไปยึดครองโครงสร้างหมด ตามมาด้วยการเลือกตั้งหลังจากนั้นสองปี หลังจากทำลายโครงสร้างรัฐเดิมหมดแล้ว
"แล้วก็มาปรากฏภายหลังว่าเป็น เท็จทั้งสิ้น แต่เข้าไปเพื่อป้องกันธุรกิจการเมือง ค้าน้ำมัน บริษัทซ่อมบำรุงก่อสร้างพลังงาน เข้าไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ ยึดผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น ที่ต้องดู...ก็ดูเพียงว่าเขาจะหนุนอำนาจใครที่ให้ผลประโยชน์ได้มากที่สุด"
ถัด มา...โซมาเลีย เพราะรัฐอ่อนแอมาก มีผู้ก่อการร้าย หรือกระทั่งที่ติมอร์ รัฐไม่ต้องการความช่วยเหลือ แต่ต่างชาติมีมติส่งทหารเข้าไปดูแล ถ้าเป็นเรา...ถ้าเมืองไทยมีทหารติมอร์เข้ามาดูแลความสงบที่ราชประสงค์เราจะ เอาไหม
"ไม่เชื่อถือ...ในสถาบันกองทัพไทยอีกเลย แต่จะเอาแต่ทหารต่างประเทศเท่านั้น เราเอาไหม..."
จุดเปลี่ยนที่น่า สนใจ ถ้าเป็นเรื่องของผู้บงการที่มีอยู่นอกการชุมนุม ใช้ผู้ชุมนุมเป็นแค่เบี้ย...ต้องการให้ตาย เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อความ เข้มข้นที่จะดึงต่างชาติเข้ามาได้
ฉะนั้น...นี่คือสิ่งที่เราจะต้อง มองให้ทะลุ ต้องจับผู้บงการข้างนอกกลุ่มผู้ชุมนุมเสียก่อน สืบสาวโยงไปถึงเครือข่าย ส่วนคนที่อยู่ข้างใน...กลุ่มผู้ชุมนุม ทะเลาะกันอยู่ข้างถนน เป็นเบี้ยเท่านั้น ต้องไม่ไปโกรธแค้นคนเหล่านี้ แล้วต้องบอกผู้อยู่ในที่ชุมนุมด้วยว่า...ผู้บงการเขาต้องการให้เกิดความสูญ เสีย เพราะจะช่วยให้เขาบรรลุผลสำเร็จ
เมื่อมอง และรู้อย่างนี้แล้ว เจ้าหน้าที่ผู้เข้าปราบปราม ก็ต้องทำหน้าที่อย่างมีสติ อย่าให้ถึงขั้นต้องเสียเลือดเสียเนื้อ
เส้นทางนำไปสู่...รัฐพังทลาย หรือล่มสลาย สะท้อนกลับไปถึงคำพูดแกนนำบางคน ด้วยรู้หรือไม่รู้ก็ตามที ที่ว่า... "การชุมนุมที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องคุณทักษิณ ไม่ใช่แค่เรื่องยุบสภา...เลือกตั้งใหม่ หรือเป็นการแก้ปัญหาเรื่องความยากจนข้นแค้นประชาชนรากหญ้า แต่เป็นเรื่องที่ต้องเลยไปถึง เปลี่ยนโครงสร้างประเทศ..."
ถ้าเป็น อย่างนี้ การเปลี่ยนโครงสร้างรัฐได้นั้น ก็มีเพียงการยืมมือต่างชาติช่วยให้เป้านี้บรรลุผลสำเร็จได้ เพราะไม่อย่างนั้นคำว่า... "รัฐใหม่" เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสถาบันต่างๆ ไม่มีทางเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
ฟัง ดูแล้วถึงจะเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ แต่เราก็ไม่เคยคิดใช่ไหมว่าประเทศไทยจะเดินหน้าก้าวเข้าสู่ความรุนแรงถึง ขั้นเกิดสงครามกลางเมืองเช่นนี้...
"...แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว รัฐบาลต้องไม่เผลอ ไม่ยอมรับสถานะการใช้อำนาจรัฐซ้อนรัฐ หมายความว่า...อำนาจรัฐต้องแข็ง กฎหมายของเรา ใครก็แทรกแซงไม่ได้"
คุณโสภณ สุภาพงษ์ เจ้าของรางวัลแมกไซไซ สันติภาพคนจน กล่าวทิ้งท้าย.
ที่มา : http://www.thairath.co.th/column/pol/page1scoop/83930
ปล. 1
ประชาชนทุกคนควรจะได้รู้ ( ขอย้ำว่าทุกคน ) ถึงภัยอันตรายที่กำลังเข้ามาถึงประเทศบ้านเกิดของตนเอง ผมไม่อยากให้ประเทศไทยนี้จะต้องถูกรัฐอื่นเข้ามาปกครอง ตั้งสติและใช้ปัญญา คิดถึงสิ่งเหล่านี้กันได้แล้วครับก่อนที่จะไม่มีเวลาให้คิด
และท้ายสุดขอเป็นกำลังใจให้คณะรัฐบาลคลี่คลายปัญหาและบริหารประเทศ นำพาประชาชนผ่านวิกฤตไปได้ด้วยดีไม่ว่าขณะนี้หรือในอนาคตครับ
ปล.2
จริงๆแล้วไม่อยากนำเรื่องที่เกี่ยวกับการเมืองมาลงเลย แต่ทว่า วันนี้คงไม่ใช่สิ่งที่ไกลตัวซะแล้ว
และอย่างน้อยขอแสดงมุมมองสักหน่อย