ตื่นขึ้นมางัวเงียรีบล้างหน้า อ้าววว วันนี้คริสต์มาสอีฟ แล้วหรือเนี่ย เร็วจังนะ เผลอแป๊ปเดียวเทศกาลแห่งความสุขกำลังจะเยื้องย่างเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง
แต่ก็คงเหมือนหลายๆครั้งที่ผ่านมา ไม่ได้มีนัดพิเศษกับใครในวันคริสต์มาส ไม่เคยได้รับช็อคโกแล็ตจากใคร
ไม่มีใครให้จูงมือในวันเทศกาลแห่งความสุขนี้ แล้วจะตื่นเต้นไปทำไมน๊า…..เรา
อ้ะ……พรุ่งนี้ก็วันคริสต์มาสแต่มีเรียนภาษาญี่ปุ่น อึมมมม …..
จะได้เจอสาวคนนึงที่น่ารักที่มาเรียนด้วยกันอีกครั้งและ…….เหอะๆๆๆๆ คิดแล้วใจเต้นตูมๆเลย
คิดได้แบบนั้นงั้นออกไปหาของขวัญให้ในวันคริสต์มาสดีกว่านะ อย่างน้อยก็เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดี
….แล้วก็ลุกจากเตียงนอนเดินมั่นใจเข้าห้องน้ำไป ขัดสีฉวีวรรณ (แบบลวกๆตามนิสัยผู้ชาย)
แล้วรีบไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว
พอไปถึงก็กวาดสายตามองหาของขวัญเผื่อไปฝากใครบางคน และเจ้าหล่อนก็ไม่ได้รู้ตัวสักนิดว่ามีคนจะทำเซอร์ไพร์ส
ซื้ออะไรดีล่ะเรา…..ยืนครุ่นคิดอยู่นาน…….. ว้าๆๆๆ อันนั้นถูกไป เอ๊ะ……อันนี้แพงไป….
ผู้หญิงเค้าชอบอะไรกันล่ะ (จะรู้มั้ยล่ะ)
อันนี้เหมาะหรือปล่าวน๊า หรือว่าไม่เหมาะ
…..ผู้หญิง เรียนอักษรศาสตร์ ก็น่าจะชอบขีดๆเขียนๆ น่าจะเป็นอย่างนั้นนี่นะ
งั้นซื้อนี่ดีกว่า “ ปากกา”
แต่…..เอ๊…… แบบไหนดีล่ะ อึมมมม ถูกไปเดี๋ยวจะหาว่าเราโลคลาส อึมมมมม แต่ถ้าแพงไปก็อาจดูเวอร์เกิน
“เอาด้ามนี้หล่ะครับ” ผมบอกพนักงานขายพร้อมกับชี้ไปที่ปากกาด้ามเงิน ดูทันสมัยไม่เชยจนเกินไปวางอยู่ในกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินดูมีคลาสนิดๆ
“ห่อเป็นของขวัญให้ด้วยครับ”
หลังจากได้รับปากกาที่ห่อเป็นของขวัญแล้วก็กลับไปพักผ่อน รอเผื่อจะนำไปเป็นของที่ระลึกในวันคริสต์มมาสพรุ่งนี้
……วันที่ 25 ธันวาคม 2007
ห้องเรียนภาษาญี่ปุ่น ทุกๆคนเริ่มทยอยเข้าเรียน เธอเดินเข้ามาแล้วนั่งลงข้างๆผมตามเคย วันนี้เธอก็คงดูดีเช่นเดิม อาจารย์เข้าสอนตามเวลา เราเริ่มเรียน ผลัดกันถามตอบตามสูตร ผมยังคงนั่งระทึกใจกับแผนการทำเซอร์ไพรส์กับใครคนนึง และแล้วเวลาเรียนก็จบลง บ่ายสี่โมงกว่า คือเวลาขณะนั้น
ทุกๆคนเตรียมเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับ ซึ่งรวมทั้งเธอและผม ในขณะนั้นเอง
ผมล้วงมือไปในกระเป๋าสะพายของผม เพื่อหยิบของขวัญ พร้อมกับยื่นมันให้เธอที่นั้งด้านข้าง
แล้วเอ่ยขึ้นว่า” เมอร์รี่คริสต์มาส” เธอรับไปพร้อมกับอมยิ้มแบบงงๆ เธอกล่าว”ขอบคุณนะ”
แล้วลุกออกจากห้องเรียนไปก่อน ส่วนผมก็กำลังปลื้มกับการกระทำของตัวเองอยู่พร้อมทั้งเก็บตำรับตำราเพื่อเตรียมตัวกลับ ทันใดนั้นเอง เพื่อนร่วมชั้นที่นั่งด้านหน้าเราคนนึงเดินกลับเข้ามาพร้อมกับถือกล่องของขวัญชิ้นเล็กๆ ที่เพิ่งให้ไปนั้นนำกลับมาคืนให้ผมพร้อมกับพูดว่า “ เธอบอกให้เอามาคืนน่ะ”
งง ….มั้ยครับ งง…..ดิ
แต่ผมก็เก็บมันใส่กระเป๋าของผมไว้ตามเดิม ครุ่นคิดว่า ถ้าไม่เอาก็น่าจะปฏิเสธตั้งแต่ทีแรกก็ได้ “ยังงัยกันเนี่ย”
ขณะเดินลงจากอาคารเรียน ผมเห็นเธอด้านล่างยืนอยู่กับชายดูมีอายุคนนึง ผมเดินผ่านเธอไป ไม่ทักไม่พูดอะไรทั้งนั้น
กำลังคิดกลับไปกลับมาว่า “ถ้าไม่เอาแล้วรับไปทำไม ทำไมไม่ปฏิเสธตั้งแต่ทีแรก” ………………“ แล้วเราจะเอาไปให้ใคร”
ห่อของขวัญแล้วด้วย ปกติหลายคนก็ให้ของขวัญกันในวันคริสต์มาสอยู่แล้ว แล้วมันก็ไม่ได้ใหญ่โตแค่ชิ้นเล็กๆเท่านั้น
เพียงแค่ “ คนซื้อตั้งใจเลือก ตั้งใจซื้อมาเป็นของฝาก และเอาความใส่ใจบรรจุลงไปด้วยในกล่องเล็กๆนั่นด้วย ”
สุดท้าย ปากกาด้ามนั้นไม่ได้ถูกใช้งาน มันยังนอนสงบนิ่งอยู่ในกล่อง อย่างไร้เจ้าของ จนกระทั่งทุกวันนี้
คำถามสุดท้ายเกิดขึ้นในสมองของผมอย่างหาคำตอบไม่ได้ว่า………
“ แล้ว…..ผมจะเอาไปให้ใคร? “
0 comments:
Post a Comment