ญาติผมจะมาจากต่างประเทศ เลยวางตารางล่วงหน้าไว้ว่าจะอยู่หลายเดือนถึงจะกลับ เลยต้องหาที่พักให้ท่านและผมเองก็ต้องไปอยู่ด้วยเพื่ออำนวยความสะดวกให้ท่าน คอยขับรถขับราให้ คอยเป็นธุระให้ว่างั้น อีกอย่างท่านไม่ใช่คนไทย พูดไทยไม่ได้ เมืองไทยก็มานับครั้งได้
ก็คิดว่าอยากได้แบบเน้นความสะดวกสบายหน่อย เพราะเป็นญาติผู้ใหญ่ ผมเที่ยวเสาะหาอยู่หลายวัน สุดท้ายไปเจอคอนโดอยู่ที่นึง ดูเป็นสัดเป็นส่วนแถวย่านลาดพร้าว ลักษณะเป็นอาคาร วางสี่ด้านเป็นรูปสี่เหลี่ยม ตรงกลางเป็นสระน้ำ
มี ฟิตเนสอำนวยความสะดวก พร้อมสระน้ำที่ให้บริการแก่ผู้อาศัย สะอาดพอสมควรแต่ก็สร้างมานานแล้ว
ผมเข้าไปขอติดต่อ ดูห้องที่สำนักงานนิติบุคล หลังจากสอบถามและบอกกล่าวแก่ เสมียนผู้ดูแล แล้ว ก็มีฝ่ายขายพาไป ที่เป็นฝ่ายขายนั้นเพราะส่วนหนึ่งของอาคารถูกบริษัทชาวต่างชาติ เทคอ๊อฟ ไปสองอาคารแล้วปล่อยขายเป็นห้องๆและให้เช่าด้วยแถมที่นี่ก็มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่หลายครอบครัวอีกด้วย
ที่นี่สรุปแล้วมี นิติบุคคลสองชุด ด้วยกัน
คุณพนักงานก็นำผมไปที่อาคาร เพื่อเข้าชมห้องพัก ดูกันหลายห้อง ก็ยังไม่ตกลงใจว่าจะเอาห้องไหนดี
แล้วคุณพนักงานก็บอกผมว่า มีอีกสองห้องที่ว่างอยู่ที่ชั้นแปด แต่ราคาสูงหน่อย เพราะส่วนใหญ่ชั้นแปด เป็นห้องสวีท
เธอนำขึ้นลิฟท์ พอลิฟท์เปิดถึงที่ชั้นแปดซึ่งที่นี่มีทั้งหมดแปดชั้น ก็เดินมาทางขวามือจะเห็นห้องที่สอง นับจากหน้าลิฟท์ ห้องนี้มีประตูที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่ทาสีฟ้าอ่อนๆ ลูกบิดใหม่ เท่าที่สังเกตเห็นด้านนอก ผมมองไปรอบๆขณะที่ยังไม่ได้เปิดประตูเข้าไปด้านใน ดูแล้วห้องนี้ไม่เหมือนห้องอื่น แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
พอพนักงานเปิดประตูแล้วเข้าไปด้านใน ดูสะอาดมาก เพราะด้านในตกแต่งใหม่หมด และ ทาสีฟ้าอ่อนๆ รวมไปถึงม่านบังแดดก็สีฟ้า ด้านในมีอีกหนึ่งห้องและมีห้องน้ำอยู่ด้านใน พนักงานบอกผมว่าเพื่ง บิ้วท์ใหม่ ห้องนี้ ราคาก็ แปดพันต่อเดือน
สักพักเราก็ออกไปด้านนอกพื่อไปดูห้องสุดท้ายกัน
ห้องสุดท้ายเดินถัดมาจากห้องเมื่อกี๊อีกสองห้อง เป็นห้องสวีทเหมือนกัน ห้องนอนด้านในพร้อมห้องน้ำในตัว แต่ยังไม่ได้ทำความสะอาดอะไรเลย พื้นก็เลาะกระเบื้องออกไป แต่เป็นห้องมุม มีเทอเรส และเนื้อที่กว้างกว่า พนักงานบอกว่ายังไม่บิ๊วท์ เพราะช่างไม่ว่าง เจ้าของเดิมเพิ่งย้ายไปไม่นาน แต่ถ้าเอาห้องนี้จะเร่งช่างทำให้เสร็จภานในหนึ่งสัปดาห์ ราคาก็แปดพันเท่ากัน
ผมชักลังเล เพราะห้องแรกเสร็จแล้วด้วย แต่ถ้าห้องนี้ต้องรอ และกลัวไม่ทันเพราะกว่าจะย้ายเข้ามาและกว่าจะเซ็ทอัพให้เข้าที่เข้าทางอีกคงเหนื่อยอีกหลายวัน
ผมบอกพนักงานว่า จะเอาห้องแรก ก็ ห้องสีฟ้านั่นแหละครับ
แต่พนักงานกลับ ถามผมกลับว่า “จะเอาห้องนั้น จริงๆหรือคะ”
ผมก็ถามต่อ ..อ้าว …..ทำไมล่ะ !
พนักงานเธอตอบ เอ่อ ……… ปล่าวค่ะไม่มีอะไร
มันเหมือนอะไรสักอย่างกระตุ้นให้ผมคิดวนอีกรอบ แล้วผมก็บอกเธอว่า อึมมมมม…….!!!
เอาอย่างนี้แล้วกัน……ผมเปลี่ยนใจเอาห้องมุมห้องนี้ดีกว่า แล้วรีบจัดการให้ผมให้เรียบร้อยด้วยนะ อยากได้เทอเรสเผื่อได้นั่งดูดาวด้วย คงจะดี
เธอตอบ… ค่ะ….. แล้วเราก็ลงจากอาคารไปทำสัญญาเช่ากัน
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ผมย้ายเข้าที่คอนโด แต่ทว่า…. ญาติผมป่วย โทรมาบอกว่า เลื่อนการเดินทางมาไทยไปก่อนและยังไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร ผมเลยต้องอยู่ที่นี่ไปก่อนตามระเบียบ
ก็ดีครับ ไม่มีอะไรจนกระทั่ง ช่วงปีใหม่
ทางนิติบอกว่าจะทำบุญปีใหม่และเชิญทุกคนรวมผมด้วย ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
จนวันงาน…..ผมแต่งตัวจะไปข้างนอกเปิดประตูออกมาได้ยินเสียงพระสวด ผมแปลกใจครับ พระมาสวดอะไรแถวนี้ล่ะ
พอมองไปทางหน้าลิฟท์ เห็นมีคนกำลังนั่งฟังพระสวดอยู่หน้าห้องสีฟ้านั่น
อ้าว……. และพระมาสวดอะไรที่ห้องนั้น และดูเหมือนการทำบุญเลี้ยงพระอะไรสักอย่างที่ห้องนั้น
พอผมเดินผ่านหน้าห้อง พวกที่นั่งอยู่ก็ชวนผมอยู่ทำบุญครั้งนี้ด้วย มองเห็นพระหลายรูปครับกำลังสวดอยู่เลย
ก็ไม่อยากเสียมารยาทเลยเข้าร่วมพิธีด้วย และพระก็สวดเสร็จ เหล่าผู้คนที่อยู่ในห้องก็เตรียมถวายภัตราหารเพลแด่ภิกษุสงฆ์ แล้วก็มีเสียงดัง.....โครม!!!!!!!!!!!!!
โต๊ะไม้ที่ใช้วางกับข้าวที่จะถวายพระครับ ขามันหัก เลยทำให้อาหารที่วางข้างบนเทหกเกือบหมด
แล้วก็มีเสียงใครบางคนไม่ทราบพูดขึ้นลอยๆว่า “จะทำบุญไปให้ทำไมทำแบบนี้ มันไม่ดีนะ “
แถมคนพูดเอ่ยชื่อถึงใครก็ไม่รู้ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าพูดถึงใคร แล้วใครอีกคนก็บอกว่า “จุดธูปบอกดีกว่าๆ”
หลังจากนั้นทำกิจพิธีจนเสร็จแล้วก็ปิดห้องไว้ตามเดิม ผมก็ออกไปทำธุระข้างนอก
อีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ต่อมา…..
ราวๆบ่ายสามโมงครึ่ง .........เสียงตะโกน โหวกเหวกโวยวาย ร้องห่มร้องไห้ ของพี่ผู้หญิงร้านซักรีดที่อยู่ชั้นแปด ชั้นเดียวกับผม แต่ห้องแกอยู่อีกฝั่งของลิฟท์ ดังจนทำให้ผมต้องเปิดประตูออกมาดู แกเห็นผมแล้วเดินขี้มูกโป่งมาหา ตาแดงๆ
แล้วถามผมว่า “เห็นลูกชายพี่มาเล่นแถวนี้บ้างไหม แกเดินตามหานานแล้วยังไม่เจอเลย” ผมตอบว่า “ไม่เห็นครับ”
ลูกชายพี่แกอายุสิบขวบ เลิกเรียนและกลับมาจากโรงเรียนแล้ว
แล้วแกว่าเดี๋ยวไปถาม รปภ. ข้างล่างก่อน แล้วแกก็ไป สักพักได้ยินเสียงพี่ผู้หญิงคนเดิมอยู่หน้าห้องกับ รปภ. แต่พี่แกทุบประตูห้องสีฟ้า มีเสียงพูดกลับไปด้านใน ว่า “ลูกทำใจดีๆนะ ไม่ต้องกลัว” “ลูกเข้าไปได้งัย” แล้วตะโกนบอก รปภ . ให้วอเรียกคนให้เอากุญแจที่ส่วนกลางมาไขประตู สักพัก รปภ. อีกคนมาพร้อมกุญแจ ก็พยายามไข แต่ก็ไขไม่ออก ทั้งๆที่ลูกบิดก็เพิ่งเปลี่ยน แล้ว รปภ.ก็ตกลง วอไปตามช่างเอาคีมถ่างประตูแทน ครู่นึง ช่างก็มาแล้วใช้คีมถ่างวงกบประตูแล้วบิดกุญแจไปพร้อมกันกับเปิดประตู ก็เจอลูกของพี่ร้านซักรีด ที่อายุประมาณสิบขวบ อยู่ด้านใน เด็กร้องไห้ออกมาไม่พูดอะไร ถามอะไรก็ไม่ตอบ
ทั้งหมดจึงเป็นเรื่องที่ผมอยากรู้จึงควานหาคำตอบ และได้จากคนที่อยู่ที่นั่น เล่าให้ฟังว่า……………..
ก่อนหน้านี้ที่ห้องนั้นยังไม่บิ๊วท์ใหม่ มีผู้หญิงคนนึงอยู่ เธอทำงานกลางคืนไม่ทราบอาชีพอะไร ถูกฆาตรกรรม ด้วยการราดน้ำมันแล้วจุดไฟเผาในขณะที่เธอกินยานอนหลับ เธอโดนไฟคลอกตายในห้องนั้น และเป็นข่าวดังลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง
มูลนิธิกู้ภัยเข้ามาเคลียพื้นที่และขนย้ายศพลงทางลิฟท็เนื่องจากไม่สามารถใช้รอกขนย้ายลงด้านข้างของตัวอาคารได้และสาเหตุที่ต้องเปลี่ยนสีประตูก็เพราะ ความเชื่อที่ว่า เพื่อกันวิญญาณของคนที่เคยอยู่ จะจำได้
โอ้ววว……. พระเจ้า โชคดีที่ผมไม่เช่าห้องสีฟ้านั่น !!!!!
ระยะเวลาทั้งหมดที่เช่าที่นั่นไว้ก็ประมาณหนึ่งปี และหลังจากที่ผมย้ายออกมา …….
ทุกวันนี้คอนโดดังกล่าว(เฉพาะส่วนที่ถูกเทคอ๊อฟ) ถูกบริษัทต่างชาติเจ้าของกรรมสิทธิ์ รื้อบางส่วนออกและซ่อมแซมใหม่ แล้วบิ๊วท์ภายในอย่างสวยงามดูแล้วเหมือนห้องในโรงแรมเลย ซึ่งรวมไปถึงห้อง…..สีฟ้า …ชั้นแปดนั่น แถมประกาศขายและปล่อยเช่าในราคาสูงกว่าเดิมอีก !!!
คุณสงสัยมั้ยว่า....เด็กสิบขวบคนนั้น เข้าไปอยู่ในห้องสีฟ้านั่นได้อย่างไร?ทั้งๆที่ห้องมันล๊อค แล้วกุญแจก็เก็บไว้ที่ นิติบุคคลส่วนกลาง…!!!!คุณสงสัยมั้ยว่า......ทำไมกุญแจใช้ลูกบิด ไขไม่ออก ทั้งๆที่ เพิ่งเปลี่ยนใหม่?จนถึงขนาดต้องใช้คีมถ่างประตู......!!!!
คุณสงสัยมั้ยว่า.....ตอนทำบุญในห้องนั้น โต๊ะไม้ที่ใช้วางภัตราหารสำหรับถวายพระ ขาหักได้อย่างไร?
ทั้งๆที่ ขามันแข็งแรง แถมเป็นโต๊ะไม้ทรงเตี้ยที่ไม่ใช่ไม้อัด……!!!
คำถามเหล่านี้ยังคงเป็นปริศนา แก่ผม และหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น
0 comments:
Post a Comment